กฎหมายอาคารเพื่อป้องกันแผ่นดินไหวในประเทศไทย
ประเทศไทยมีการบังคับใช้ กฎกระทรวง กำหนดประเภทหรือขนาดของอาคารที่ต้องออกแบบให้ต้านทานแผ่นดินไหว พ.ศ. 2550 และมีการปรับปรุงเพิ่มเติมในปี 2564 เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของอาคารในพื้นที่เสี่ยงต่อแผ่นดินไหว
สาระสำคัญของกฎหมายอาคารเกี่ยวกับแผ่นดินไหว
1. ขอบเขตพื้นที่บังคับใช้
พื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อแผ่นดินไหวและต้องออกแบบอาคารให้สามารถรองรับแรงสั่นสะเทือนได้ ได้แก่
ภาคเหนือ: เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ฯลฯ
ภาคตะวันตก: กาญจนบุรี ตาก ฯลฯ
ภาคกลางและภาคอื่น ๆ ที่มีโอกาสได้รับผลกระทบ
2. ประเภทอาคารที่ต้องออกแบบให้ต้านแผ่นดินไหว
อาคารสูง ตั้งแต่ 3 ชั้นขึ้นไปอาคารสาธารณะ เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน ห้างสรรพสินค้าอาคารที่มีน้ำหนักโครงสร้างมาก เช่น โรงงาน คลังสินค้า
อาคารที่มีคนอยู่อาศัยหนาแน่น เช่น คอนโดมิเนียม โรงแรม
3. มาตรฐานการออกแบบโครงสร้างต้านแผ่นดินไหว
ต้องออกแบบให้รองรับแรงสั่นสะเทือนตามมาตรฐาน มาตรฐานการออกแบบอาคารต้านแผ่นดินไหว (DPT 1301/1302-61)
ใช้ระบบโครงสร้างที่แข็งแรง เช่น โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก โครงสร้างเหล็ก หรือโครงสร้างผสมใช้วัสดุก่อสร้างที่มีคุณสมบัติรองรับแรงสั่นสะเทือนได้ต้องให้วิศวกรที่มีใบอนุญาตควบคุมดูแลการออกแบบ
4. การตรวจสอบและบังคับใช้
ต้องมีวิศวกรโครงสร้างรับรองแบบก่อสร้างอาคารที่สร้างก่อนกฎหมายบังคับใช้ อาจต้องปรับปรุงให้สอดคล้องกับมาตรฐานต้านแผ่นดินไหวหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมโยธาธิการและผังเมือง มีหน้าที่ตรวจสอบและบังคับใช้
ข้อดีของกฎหมายนี้
ลดความเสียหายของอาคารจากแผ่นดินไหว
ลดอัตราการเสียชีวิตและบาดเจ็บจากอาคารถล่ม
เพิ่มความปลอดภัยในพื้นที่เสี่ยงภัย
หากเป็นเจ้าของอาคารในพื้นที่เสี่ยง ควรปรึกษาวิศวกรเพื่อให้แน่ใจว่าอาคารของคุณเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย